The Future in a Construction. WorldWide.

ประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า

 ประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice)

สำหรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์วิศวกรรม จำกัด

  1. บททั่วไป

เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องและให้หมายความรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ ในอนาคต (“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์วิศวกรรม จำกัด (“บริษัทฯ”) จึงจัดทำประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าของบริษัทฯ (“ประกาศฯ”) ฉบับนี้ขึ้น เพื่ออธิบายให้ท่านทราบถึงวิธีการที่บริษัทฯ ปฏิบัติต่อข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของท่าน หรืออาจจะระบุตัวตนของท่านได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) เช่น วิธีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือ การดำเนินการใดๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าด้วยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม อาทิ การบันทึก การจัดระบบ การจัดเก็บ การปรับเปลี่ยนหรือการดัดแปลง การเรียกคืน การส่ง โอน การเผยแพร่หรือการทำให้สามารถเข้าถึงหรือพร้อมใช้งานโดยวิธีใดๆ การจัดเรียง การนำมารวมกัน การจำกัดหรือการห้ามเข้าถึงการลบหรือการทำลาย (“ประมวลผล”) และเพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ในการประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจถึงข้อกำหนดต่างๆ ภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 

  1. กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่บริษัทฯ ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่บริษัทฯ ทำการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลประกอบด้วย

2.1 ลูกค้า ซึ่งหมายถึง บุคคลธรรมดาที่ซื้อสินค้าและหรือใช้บริการจากบริษัทฯ หรืออาจจะซื้อสินค้าและหรือ ใช้บริการจากบริษัทฯ หรือบุคคลอื่นใดในลักษณะเดียวกัน อาทิ ลูกค้าของธุรกิจต่างๆ  ผู้ใช้บริการเว็บไซต์ ผู้ใช้บริการแอปพลิเคชัน ผู้ที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลหรือขอรับบริการจากบริษัทฯ และผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับสินค้าและหรือบริการของบริษัทฯ และผู้ทำบัตร Exhibitor เป็นต้น

2.2 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า ซึ่งหมายถึง บุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หรือที่เป็นตัวแทนหรือบุคลากรของนิติบุคคลที่เป็นหรือที่อาจจะเป็นลูกค้าของบริษัทฯ อาทิ กรรมการ พนักงาน ตัวแทน หรือบุคลากรของลูกค้าซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจของบริษัท และให้หมายความรวมถึงบุคคลธรรมดาที่ข้อมูล ส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ติดต่อประสานงาน เป็นต้น

  1. วิธีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

3.1 บริษัทฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

(ก) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ โดยตรง

ท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทฯ โดยตรง เช่น

    • เมื่อท่านติดต่อสื่อสาร สอบถามข้อมูล ให้ความเห็นหรือคำติชมแก่บริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็น การสื่อสารเป็นในรูปแบบลายลักษณ์อักษรหรือวาจา ผ่านทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน โทรศัพท์ อีเมล โทรสาร ไปรษณีย์ การพบปะกันโดยตรง หรือโดยวิธีการอื่นใด
    • เมื่อท่านแสดงเจตนาเพื่อซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากบริษัทฯ เข้าทำสัญญากับบริษัทฯ หรือส่งมอบเอกสารต่างๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏอยู่มาให้แก่บริษัทฯ และ
    • เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด การจับสลากชิงโชค งานอีเว้นท์ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่จัดขึ้นโดยหรือในนามของบริษัทฯ เป็นต้น

(ข) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ

บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดดู นโยบายการใช้คุกกี้

(ค) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับมาจากแหล่งอื่นหรือบุคคลภายนอก

บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งอื่นหรือบุคคลภายนอก เช่น

    • การเก็บข้อมูลผ่านทางผู้แทนที่ได้รับมอบหมายหรือผู้ติดต่อประสานงานของท่านหรือ ของนิติบุคคลที่ท่านสังกัด
    • การเก็บข้อมูลจากผู้ให้บริการต่างๆ ของบริษัทฯ อาทิ บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) ผู้ให้บริการเว็บไซต์ และผู้ให้บริการพื้นที่พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) เป็นต้น
    • ในบางกรณีบริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของท่าน หรือแหล่งข้อมูลทางการค้า ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลด้วยตนเองหรือได้ให้ความยินยอมแก่ผู้ใดในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังกล่าว

3.2 ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับการแจ้งถึงรายละเอียดต่างๆ ตามที่ระบุ ในประกาศฯ ฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะวัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และหรือ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หรือหากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

3.3 ในกรณีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล อย่างไรก็ดี ภายหลังจากที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ หากท่าน ไม่ประสงค์ให้บริษัทฯ เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวและเป็นกรณีที่บริษัทฯ อาศัยฐานความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทฯ เพื่อขอยกเลิกความยินยอม ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในข้อ 9 ของประกาศฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำขอยกเลิกความยินยอมของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมและประมวลผลภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ โดยตรง หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก ได้แก่

4.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ เลขประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง รูปถ่าย และลายมือชื่อ เป็นต้น

4.2 ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน สถานที่จัดส่งสินค้า สถานที่จัดส่งใบแจ้งหนี้ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร อีเมล และไอดีผู้ใช้สำหรับไลน์แอปพลิเคชัน (Line ID) เป็นต้น

4.3 ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของลูกค้า เช่น ชื่อบริษัท หน่วยงาน หรือองค์กรที่สังกัด ชื่อตำแหน่ง รายละเอียดเกี่ยวกับโรงงานของลูกค้า (เช่น ชื่อ เลขทะเบียน สถานที่ตั้ง และข้อมูลการติดต่อ เป็นต้น) เลขทะเบียนรถยนต์ และประเภทของรถยนต์ สำเนาใบอนุญาตประกอบกิจการขนส่ง และข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏ ในทะเบียนการค้า เป็นต้น

4.4 ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขาย เช่น รหัสลูกค้า รายละเอียดการสั่งซื้อ (อาทิ สินค้าที่ต้องการ จำนวน และคุณภาพ) และรายละเอียดการร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้า (อาทิ วันที่สั่งซื้อสินค้า ประเภทสินค้า สาขาที่เกี่ยวข้อง และปัญหาที่พบ) เป็นต้น

4.5 ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงิน เช่น จำนวนเงิน วงเงินสินเชื่อ เงื่อนไขการชำระเงิน เลขที่บัญชี ข้อมูล ส่วนบุคคลที่ปรากฏในใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน ใบสำคัญรับเงิน ใบหักบัญชีเงินฝาก และหน้าสมุดบัญชีธนาคาร เป็นต้น

4.6 ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการลงทะเบียนเป็นลูกค้ากับบริษัทฯ หรือในการทำธุรกรรมต่างๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล สำเนาใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน แบบฟอร์มลงทะเบียน สำเนาเอกสารสิทธิที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ใบขอเปิดหน้าบัญชีลูกค้า เอกสารรับรองบุคคลที่ไม่เกี่ยวโยงกัน หนังสือมอบอำนาจ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.09/20) แผนที่ เอกสารหลักประกัน (เช่น โฉนดที่ดิน หนังสือค้ำประกันโดยธนาคาร (Bank Guarantee) และหนังสือ ค้ำประกันโดยบุคคล) สัญญาซื้อขายหรือสัญญาอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม ใบส่งสินค้า และสำเนาใบประกอบวิชาชีพ เป็นต้น

4.7 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ศาสนา ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ และหรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด เป็นต้น

4.8 ข้อมูลด้านเทคนิค เช่น ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP Address) และข้อมูลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึงกัน เป็นต้น

4.9 ข้อมูลอื่นๆ เช่น พฤติกรรมหรือแนวโน้มในการซื้อสินค้าและหรือบริการ บันทึกเสียงการสนทนา และบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวผ่านกล้องวงจรปิด (CCTV) เป็นต้น

 

  1. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

5.1 บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้ (รวมกันเรียกว่า “วัตถุประสงค์ที่กำหนด”)

ลำดับ วัตถุประสงค์ที่กำหนด ฐานทางกฎหมายในการประมวลผล
(ก) เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบยืนยันตัวตนของลูกค้า หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของ บริษัทฯ ในการตรวจสอบยืนยันตัวตนของบุคคลดังกล่าว
  • ฐานความยินยอม: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวที่ปรากฏอยู่บนสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน อาทิ ศาสนาและหรือหมู่โลหิต ในขั้นตอนการตรวจสอบยืนยันตัวตนของลูกค้า หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า โดยไม่อาจปิดทับ ขีดคาด หรือหลีกเลี่ยงการเก็บรวบรวมข้อมูล  ดังกล่าวได้ บริษัทฯ จะดำเนินการโดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากบุคคลดังกล่าว
(ข) เพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทะเบียนการสมัครสมาชิกหรือการลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชีลูกค้า
  • ฐานสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของลูกค้า สำหรับการลงทะเบียนสมัครสมาชิกเป็นลูกค้ารายใหม่หรือการเปิดบัญชีลูกค้า ผ่านทางเว็บไซต์หรือช่องทางการให้บริการต่างๆ ของบริษัทฯ อาทิ ระบบ IFS เป็นต้น
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: ในกรณีที่ลูกค้าเป็นนิติบุคคล การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เช่น การจัดการบัญชี และการตรวจสอบยืนยันตัวตนของลูกค้า เป็นต้น
(ค) เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการเข้าทำสัญญา และการวางหลักประกัน
  • ฐานสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นการจำเป็นเพื่อการเข้าทำสัญญา และกระบวนการอื่นๆ    ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าทำสัญญา เช่น การตรวจสอบหลักฐานประกอบการทำสัญญา การพิจารณาวงเงินสินเชื่อ และการวางหลักประกัน เป็นต้น
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: ในกรณีที่ลูกค้าเป็นนิติบุคคล การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เช่น การบริหารจัดการสัญญา และการพิจารณาคุณสมบัติลูกค้า เป็นต้น
(ง) เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการคำสั่งซื้อจากลูกค้า
  • ฐานสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาซื้อขายและบริการ ซึ่งลูกค้าเป็นคู่สัญญา เช่น การจัดส่งสินค้า การวางบิล การยืนยันยอดหนี้ค้างชำระ และการจัดส่งใบเสร็จรับเงินให้แก่ลูกค้า เป็นต้น
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: ในกรณีที่ลูกค้าเป็นนิติบุคคล การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เช่น การบริหารจัดการคำสั่งซื้อจากลูกค้า และการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าเป็นต้น
(จ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการตามคำขอ ต่างๆ ของลูกค้า
  • ฐานสัญญา: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินการตามคำขอต่างๆ ของลูกค้า
(ฉ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการรับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้า หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของ บริษัทฯในการพัฒนาคุณภาพการให้บริการของบริษัทฯ ต่อไป
(ช) เพื่อวัตถุประสงค์ในการประชาสัมพันธ์และ                  เพื่อกิจกรรมทางการตลาดของบริษัทฯ
  • ฐานความยินยอม: การที่บริษัทฯ จะดำเนินกิจกรรมทางการตลาดใดๆ อาทิ การส่งข้อความเกี่ยวกับการสื่อสารทางการตลาดให้แก่ลูกค้า การขอถ่ายภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวของลูกค้า เพื่อนำไปประมวลภาพและประชาสัมพันธ์กิจกรรมการตลาดตามช่องทางสื่อต่างๆ    บริษัทฯ จะดำเนินการโดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากท่าน
(ซ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อสื่อสาร กับลูกค้า หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ในการติดต่อสื่อสารกับท่าน เกี่ยวกับการให้บริการต่างๆ ของบริษัทฯ
(ฌ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทฯ และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของศาล หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
  • ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย: เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งบังคับใช้กับบริษัทฯ อาทิ กฎหมายว่าด้วยภาษีอากร กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และคำสั่ง โดยชอบด้วยกฎหมายของศาล หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
(ญ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้อง                ตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เช่น การสอบสวนและหรือการไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐการเตรียมคดี การดำเนินคดี และหรือการต่อสู้คดีในชั้นศาล เป็นต้น
(ฎ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยของบุคคล และ ทรัพย์สินของบริษัทฯ
  • ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบดูแล ป้องกัน หรือระงับเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ในการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของบริษัทฯ หรือการใช้ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อป้องกันการสูญหาย หรือเสียหายในทรัพย์สินของบริษัทฯ หรือใช้เพื่อติดตามเอาคืนทรัพย์สิน หรือเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย ในกรณีที่มีการทำให้ทรัพย์สินของบริษัทฯ สูญหาย หรือเสียหาย เป็นต้น
(ฏ) เพื่อการดำเนินการใดๆ ที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ หรือบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดใดๆ ข้างต้น
  • ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ในการดำเนินการใดๆ ที่จำเป็น และหรือเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ หรือบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดข้างต้น
    ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

 

(ฐ) เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ                  ที่บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบ
  • บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์อื่นใดอันเป็นเหตุให้บริษัทฯ​ ต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ข้างต้น หรือเมื่อบริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์เดิมที่กำหนดไว้
    ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน

5.2 เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ จะดำเนินการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดตามข้อ 1 ข้างต้นในส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือมีความจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญากับท่าน เป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ข้อมูล   ส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัทฯ อาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (แล้วแต่กรณี) ในกรณีดังกล่าว บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือยกเลิกการซื้อขายหรือการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

5.3 ในกรณีที่บริษัทฯ จะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และหรือเพื่อวัตถุประสงค์ ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ข้างต้น บริษัทฯ จะจัดให้มีนโยบายหรือประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และหรือมีหนังสือไปยังท่านเพื่ออธิบายการประมวลผลข้อมูลในลักษณะดังกล่าว โดยท่านควรอ่านนโยบายหรือประกาศเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องร่วมกับประกาศฯ ฉบับนี้ และหรือหนังสือดังกล่าว (แล้วแต่กรณี)

 

  1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

6.1 บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้แก่บุคคลและหน่วยงานดังต่อไปนี้

(ก) บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) (รายละเอียดรายชื่อบริษัทในกลุ่มธุรกิจภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ตามเอกสารแนบ) ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และหรือบุคลากรภายในของบริษัทดังกล่าวเท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

(ข) คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ มอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการ/ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทฯ ในการให้บริการต่างๆ เช่น การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ บริการเก็บบันทึกข้อมูล บริการชำระเงิน บริการรับส่งพัสดุ บริการวิเคราะห์ข้อมูล บริการทำการวิจัย บริการทำการตลาด หรือบริการอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

(ค) ที่ปรึกษาของบริษัทฯ อาทิ ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นใด ทั้งภายในและภายนอกของบริษัทฯ เป็นต้น

(ง) ศาลและหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย หรือที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสรรพากร สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น

(จ) บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือหน่วยงานนั้นๆ อาทิ การเปิดเผยการประมวลภาพกิจกรรมตามช่องทางสื่อต่างๆ ของบริษัทฯ​ ให้แก่ประชาชนทั่วไป เป็นต้น

6.2 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น จะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากท่านก่อน

6.3 ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น บริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสม เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอหรือเพื่อทำให้แน่ใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยในบางกรณี บริษัทฯ อาจขอความยินยอมของท่านสำหรับการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศดังกล่าว

 

  1. ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ โดยระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลจะเปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเป็นระยะเวลาตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด (ถ้ามี) โดยคำนึงถึงอายุความตามกฎหมายสำหรับการดำเนินคดีที่อาจเกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับเอกสารหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมไว้ในแต่ละรายการและโดยคำนึงถึงแนวปฏิบัติของบริษัทฯ และของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภทเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลา ไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัทฯ สิ้นสุดลง อย่างไรก็ดี บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเกินกว่าระยะเวลาดังกล่าวหากกฎหมายอนุญาตหรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องทางกฎหมายของบริษัทฯ

หลังจากครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น บริษัทฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จากการจัดเก็บหรือระบบของบริษัทฯ และของบุคคลอื่นซึ่งให้บริการแก่บริษัทฯ (ถ้ามี) หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ เว้นแต่จะเป็นกรณีที่บริษัทฯ สามารถเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ต่อไปตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนด ทั้งนี้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทฯ ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในข้อ 9 ของประกาศฯ ฉบับนี้

 

  1. สิทธิต่าง ๆ ของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล

ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ หากท่านประสงค์ที่จะขอใช้สิทธิของท่าน ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทฯ ตามช่องทางการติดต่อที่ระบุในข้อ 9 ของประกาศฯ ฉบับนี้

8.1 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8.2 สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่าน รวมถึงมีสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น หรือตัวท่านเอง เว้นแต่โดยสภาพไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8.3 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8.4 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านอาจขอให้บริษัทฯ ลบ ทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8.5 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

8.6 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นไม่ถูกต้องไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

8.7 สิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอม

ในกรณีที่บริษัทฯ อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฯ ของท่าน ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ได้

8.8 สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน

หากท่านมีความกังวลหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติของบริษัทฯ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทฯ โดยใช้ช่องทางการติดต่อตามข้อ 9 ของประกาศฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัทฯ ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบและวิธีการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาคำร้องขอใช้สิทธิของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

 

  1. ช่องทางการติดต่อบริษัทฯ

ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยใด ๆ หรือต้องการใช้สิทธิของท่านตามที่กำหนดไว้ในประกาศฯ ฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ผ่านช่องทาง ดังนี้

  • เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer)
อีเมล: dpooffice@cpe.co.th
สถานที่ติดต่อ: เลขที่ 97 ถนนเย็นจิต แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120
  1. การเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้

บริษัทฯ อาจทำการเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่น ที่เกี่ยวข้องกำหนด โดยบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ที่สำคัญใดๆ พร้อมกับประกาศฯ ฉบับปรับปรุง ผ่านช่องทางที่เหมาะสม ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้เป็นระยะๆ

ให้ประกาศฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565